A Monster Calls – มหัศจรรย์เรียกอสูร 2016


เรื่องย่อหนัง
หนัง A Monster Calls หรือชื่อไทยว่า มหัศจรรย์เรียกอสูร ผลงานครั้งใหม่ของผู้กำกับมือฉมัง “ฮวน อันโตนีโอ บาโยน่า” ที่เคยฝากผลงานยอดเยี่ยมอย่าง The Impossible และ The Orphanage เอาไว้พร้อมแท็กทีมกับผู้อำนวยการสร้างภาพ­ยนตร์ดาร์คแฟนตาซีชนะ 3 รางวัลออสการ์อย่าง Pan’s Labyrinth เรื่องราวสุดลี้ลับอัศจรรย์ของเด็กชายวัย 13 ปี “คอเนอร์ โอ มาลลีย์” (ลูอิส แม็คดูกัลล์) ที่พยายามรับมือกับการถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง­ใน

โรงเรียน และการช่วยเหลือแม่ (เฟลิซิตี้ โจนส์) ที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย กระทั่งค่ำคืนหนึ่งเขาได้พบกับสัตว์ประหลา­ดต้นไม้ยักษ์ (เลียม นีสัน) ที่นำพาเข้าไปในดินแดนเหนือจินตนาการ สถานที่แห่งนั้นเขาจะได้พบกับการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการเสียสละและการสูญเสียซึ่งจ­ะทำให้เปลี่ยนแปลงโลกแห่งความจริงของเขาไป­ตลอดกาล
ตัวอย่างหนังออนไลน์

รีวิวหนัง
A Monster Calls

Conor เด็กชายผู้อาศัยเพียงลำพังกับแม่ที่ป่วยเป็นโรคร้าย Conor เก็บซ้อนความเจ็บปวดจากชะตากรรมชีวิตและรับมืออย่างเข้มแข็ง เขาพยายามดูแลตัวเองให้ได้ และคอยเป็นกำลังใจให้แม่ซึ่งอาการทรุดลงเรื่อยๆ แม้จะมีปัญหาการถูกรังแกจากเพื่อนที่โรงเรียน เขาก็ไม่เคยแสดงออกว่าตัวเขาเองรับมือไม่ไหว Conor จึงกลายเป็นเด็กที่มีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว และหนังก็ยึดกุมหัวใจหลักจากการกดข่มความเจ็บปวดของตัว Conor ค่อยๆ เลาะปอกเปลือกชีวิตเด็กหนุ่มจนเราค่อยๆ เห็นชั้นเนื้อหนังความรู้สึกอันเจ็บปวด จนเราคนดูเชื่อมโยงประสบการณ์เจ็บปวดกับ Conor ไปด้วยกันอย่างร้าวราน

กลวิธีที่ตัวหนัง (ต้นฉบับนิยาย) ใช้ในการสร้างจินตนาการเพื่อเล่าเรื่อง คือปีศาจต้นไม้ยักษ์โบราณ ที่มาหา Conor เพื่อเล่านิทานและตั้งคำถามกับ Conor เจ้าปีศาจเขย่าเด็กน้อยผู้แก่แดด ทำทีแบกรับความเจ็บปวดเกินตัวอย่างไม่บันยะบันยัง เพื่อให้ก้อนความเจ็บปวดที่ถูกกดข่มในใจค่อยๆ ร่วงหล่นลงมาจนหมดเปลือก Conor ต้องตั้งคำถามที่ถูกต้องกับตัวเอง และเงยหน้าเผชิญกับความจริงที่เป็นจริง จนนำเราไปสู่จุดไคล์แมกซ์ที่เป็นหมัดฮุกเด็ดของหนังได้อย่างหนักแน่น น็อคคนดูตายตาโรงเอาได้ง่ายๆ

A Monster Calls เป็นอีกหนึ่งหนัง ว่าด้วยการก้าวพ้นวัยและเติบโตขึ้น (Coming-of-age) อีกเรื่องที่มีจินตนาการสดใหม่ และแก่นเรื่องไปได้ถึงสุดทาง แม้ตัวหนังจะดูขาดองค์ประกอบเสริม หรือพล็อตรองอย่างอื่นที่น่าจะทำให้หนังมีความแพรวพราวสนุกได้มากกว่านี้ แต่ลำพังตัวหนังเองก็หนักแน่นด้วยคุณภาพ และเมสเสจของมันก็ล้ำค่าเหลือเกิน ยากที่จะหาหนังเรื่องไหนในช่วงนี้มาเปรียบตรงจุดนี้ได้